กลุ่ม CoPs
กลุ่มได้จัดบรรยาย เรื่อง ความปลอดภัยในการทำงานในห้องปฏิบัติการเคมี โดย นว.ปก.โอบเอื้อ อิ่มวิทยา และ นว.ปก.หนึ่งฤทัย แสแสงสีรุ้ง เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2558
วัตถุประสงค์
เพื่อสร้างความตระหนักเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการสร้างความปลอดภัยในการทำงานในห้องปฏิบัติการ โครงการเคมี
เนื้อหาโดยสรุป
ส่วนที่ 1 (นว.ปก.โอบเอื้อ อิ่มวิทยา)
ได้นำเสนอกรณีศึกษาเกี่ยวกับอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการ 3 แห่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผ่านวิดีโอภาษาอังกฤษ ซึ่งจัดทำโดย U.S. Chemical Safety and Hazard Investigation Board (CSB) เพื่อรับรู้ถึงอันตรายจากการทำงานโดยขาดความตระหนักด้านความปลอดภัยในการทำงานในห้องปฏิบัติการ โดยเฉพาะทางเคมี
กรณีศึกษาที่ 1 อุบัติเหตเพลิงไหม้จากปฏิกิริยาทางเคมีในมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอเนียร์ที่ลอสแองเจลลิส (UCLA)ใน ปี ค.ศ. 2008 ซึ่งทำให้ผู้ช่วยวิจัย ชื่อ Sheri Sangji ที่เพิ่งศึกษาจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ โดนไฟไหม้ร่างกายเกินร้อยละ 40 และเสียชีวิตในอีก 18 วันต่อมาหลังจากเกิดอุบัติเหตุ
กรณีศึกษาที่ 2 อุบัติสารพิษ (ปรอท) เข้าสู่ร่างกายขณะทำการทดลองในมหาวิทยาลัยดาร์ทเมาท์ (Dartmouth University) ในปี ค.ศ. 1997 ซึ่งทำให้ศาสตราจารย์ Karen Wetterhann เสียชีวิตในเดือนที่ 10 หลังจากเกิดอุบัติเหตุ
กรณีศึกษาที่ 3 อุบัติเหตุการระเบิดของสารเคมี จากการสังเคราะห์สารเคมีปริมาณมากเกินไป ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งเทกซัส (Texas Tech University) ในปี ค.ศ. 2010 ซึ่งทำให้นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา Preston Brown ได้รับบาดเจ็บสาหัส นิ้วมือขาด และได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่ง
จากกรณีศึกษาทั้งสาม จะเห็นได้ว่าการเกิดอุบัติเหตุมีสาเหตุต่างๆกัน แต่สามารถสรุปเป็นสาเหตุหลักได้ว่าเกิดจากการขาดความตระหนักในเรื่องความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน นอกจากทั้งสามกรณีข้างต้น CSB ยังได้ทำการสำรวจอุบัติที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2001 จำนวน 120 กรณี ว่าสามารถจำแนกอุบัติเหตุได้เป็น 3 จำพวกได้แก่ การระเบิด, การเกิดเพลิงไหม้, และการรั่วไหลของสารเคมี ซึ่งอุบัติเหตุเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดความเสียหายของทรัพย์สิน, การบาดเจ็บสาหัส, และการเสียชีวิต
CSB ยังได้เสนอแนวทางในการป้องกันอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในห้องปฏิบัติการของ วศ. ดังนี้
1.) รณรงค์ปลูกจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงาน
2.) จัดการอบรมทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติในเรื่องความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ
3.) จัดหาเครื่องมือป้องกันภัยที่เหมาะสมให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน
4.) ตรวจประเมินความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
5.) สร้างและพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านความปลอดภัย ซึ่งประกอบด้วย
5.1 การจัดทำข้อมูลทั่วไปและอันตรายของสารเคมี รวมทั้งข้อมูลการครอบครองสารเคมีชนิดต่างๆของหน่วยงานภายใน วศ.
5.2 การรายงานข้อมูลของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการทุกครั้งแก่ผู้รับผิดชอบเป็นลำดับขั้น ไม่ว่าจะได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุหรือไม่ก็ตาม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ การป้องกัน และความตระหนักในเรื่องความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ
5.3 แจ้งให้ทุกคนใน วศ. ได้รับทราบถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และมาตรการป้องกันอุบัติเหตุคล้ายคลึงกันซึ่งอาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
5.4 จัดทำตารางการอบรมที่จำเป็นสำหรับผู้ปฏิบัติงานกับสารเคมีประเภทต่างๆ
6.) ดำเนินการทบทวน และพัฒนาแผนงานด้านการป้องกันสุขภาพอนามัยจากสารอันตรายประเภทต่างๆ อาทิเช่น สารที่มีพิษ และสารที่เกิดปฏิกิริยาการลุกไหม้และระเบิดได้
ส่วนที่ 2 (นว.ปก.หนึ่งฤทัย แสแสงสีรุ้ง)
ได้แสดงถึงองค์ประกอบหลักของห้องปฏิบัติการปลอดภัย ที่ตีพิมพ์ไว้ในเอกสารแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งประกอบไปด้วย
-
การจัดการข้อมูลและเอกสาร การบริหารระบบการจัดการความปลอดภัย
-
ระบบการจัดการสารเคมี
-
ระบบการจัดการของเสีย
-
ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการอุปกรณ์และเครื่องมือ
-
ระบบการป้องกันและแก้ไขภัยอันตราย
-
การให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ
พร้อมทั้งยกตัวอย่างข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการจากหน่วยงานต่างๆ จำนวน 3 หน่วยงาน คือ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักวิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง กรมประมง ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วข้อกำหนดของแต่ละหน่วยงานมีมักจะมีความคล้ายคลึงกัน เช่น การแต่งกายให้เหมาะสม การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล การห้ามรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม กำหนดเวลาการใช้ห้องปฏิบัติการ ไม่ใช้ห้องปฏิบัติการตามลำพัง ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ต่ออันตราย และการกำจัดของเสียต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ก่อนเริ่มลงมือปฏิบัติงาน เป็นต้น
ในส่วนสุดท้ายของการบรรยายได้มีการเน้นย้ำถึงสาเหตุหลักของการทำงานในห้องปฏิบัติการว่า หากแยกประเภทของสาเหตุของการเกิดอันตรายว่า การมีความตะหนักถึงความปลอดภัยรวมทั้งสร้างวัฒนธรรมการทำงานในห้องปฏิบัติการได้อย่างปลอดภัยทั้งต่อตัวเองและผู้ร่วมงานนั้น จะสามารถช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ หรือผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้