กลุ่ม CoPs
Draft 1
แนวทางปฏิบัติงาน
กองผลิตภัณฑ์อาหารและวัสดุสัมผัสอาหาร
ห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์บริการ
เรื่อง
การจัดการความเสี่ยงและโอกาส
รหัสเอกสาร....................................
|
ตำแหน่ง |
ผู้จัดทำ |
|
ผู้ทบทวน |
|
ผู้อนุมัติ |
|
กรมวิทยาศาสตร์บริการ
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
75/7 ถนนพระรามที่ 6 เขตราชเทวี
กรุงเทพ 10400
ฉบับที่ สำเนาที่
วันที่ออกใช้ ผู้ถือครอง
การจัดการความเสี่ยงและโอกาส
- บททั่วไป
ห้องปฏิบัติการได้รับการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการตามระบบ ISO/IEC 17025มาเป็นระยะเวลานานเพื่อการดำเนินงานอย่างมีคุณภาพ และตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากล
ในการดำเนินงานการบริการวิเคราะห์ทดสอบอาจมีความเสี่ยงเกิดขึ้นที่นำไปสู่ความเสียหายต่อห้องปฏิบัติการได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมหากมีการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นผู้บริหารจึงให้ความสำคัญกับความเสี่ยงที่อาจต้องเผชิญเพื่อที่จะได้เลือกวิธีการที่เหมาะสมในการบริหารความเสี่ยงเหล่านั้นให้อยู่ในระดับที่สามารถรับได้ และทำให้สามารถดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยเหตุนี้ห้องปฏิบัติการ อว.จึงจัดทำระบบบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อเตรียมการรองรับสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นและเป็นไปตามข้อกำหนดของระบบบริหารงานคุณภาพตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025version ใหม่
- SWOT Analysis
ห้องปฏิบัติการ อว. ได้พิจารณาทั้งปัจจัยภายใน และภายนอกที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการบรรลุผลตามเจตนาของระบบบริหารงานคุณภาพ โดยใช้ SWOT Analysis ร่วมกับคุณค่าวัฒนธรรม ความรู้ และสมรรถนะขององค์กร ซึ่งแบ่งเป็น
- ปัจจัยภายในพิจารณาจากจุดแข็ง (Strengths) และ จุดอ่อน (Weaknesses)
- ปัจจัยภายนอกพิจารณาจากโอกาส (Opportunities) และ ภัยคุกคาม (Threats)
(ดูรายละเอียดเกี่ยวกับ SWOT Analysis ในภาคผนวก 1)
- ความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย |
ความต้องการและความคาดหวัง |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
- ความเสี่ยงและแนวทางการจัดการความเสี่ยง
ห้องปฏิบัติการได้พิจารณาโอกาสที่จะเกิด/ความถี่ที่จะเกิดเหตุการณ์และระดับผลกระทบของแต่ละปัจจัยเสี่ยงแล้วได้นำผลที่ได้มาพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยง และผลกระทบของความเสี่ยงต่อห้องปฏิบัติการว่าก่อให้เกิดความเสี่ยงระดับใด (ระดับความเสี่ยง = โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ x ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความเสียหาย) COSO (Committee of Sponsoring Organization of the Tread way Commission) ซึ่งจัดแบ่งเป็น 5ระดับ สามารถแสดงเป็นแผนภูมิความเสี่ยง (Risk Profile) โดยใช้เกณฑ์ในการแบ่ง ดังนี้
- ระดับความเสี่ยงน้อยมาก
- ระดับความเสี่ยงน้อย
- ระดับความเสี่ยงปานกลาง
- ระดับความเสี่ยงสูง
- ระดับความเสี่ยงสูงมาก
ทั้งนี้เมื่อประเมินแล้วพบว่าระดับความเสี่ยงมีคะแนนตั้งแต่ 5 คะแนนขึ้นไป ต้องระบุแนวทางแก้ไขและป้องกัน รวมทั้งผู้รับผิดชอบ แต่หากประเมินแล้วพบว่าระดับความเสี่ยงมีคะแนนน้อยกว่า 5คะแนน อาจระบุแนวทางแก้ไขและป้องกัน และผู้รับผิดชอบหรือไม่ก็ได้
5 |
|
|
|
|
|
4 |
|
|
|
|
|
3 |
|
|
|
|
|
2 |
|
|
|
|
|
1 |
|
|
|
|
|
|
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
ตัวอย่างการพิจารณาความรุนแรงของผลกระทบ และโอกาสที่จะเกิดความเสียหาย
ประเด็น/องค์ประกอบที่พิจารณา |
1=น้อยมาก |
2=น้อย |
3=ปานกลาง |
4=สูง |
5=สูงมาก |
ความรุนแรงของผลกระทบ |
|
|
|
|
|
ความพึงพอใจของผู้รับบริการ/ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย |
>80% |
60-80% |
40-60% |
20-40% |
<20% |
จำนวนผู้รับบริการที่ได้รับความเสียหาย/จำนวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ได้รับผลกระทบ |
|
|
|
|
|
จำนวนผู้ร้องเรียนต่อปี |
<1 ราย |
1-5 ราย |
6-10ราย |
11-15ราย |
>15ราย |
โอกาสที่จะเกิดความเสียหาย |
|
|
|
|
|
ระเบียบและคู่มือปฏิบัติ |
มีทั้ง2รายการและปฏิบัติ |
มีอย่างใดอย่างหนึ่งและปฏิบัติ |
มีทั้ง2รายการแต่ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ปฏิบัติ |
มีอย่างใดอย่างหนึ่งแต่ไม่ปฏิบัติ |
ไม่มีทั้ง2รายการ |
การควบคุม ติดตาม และตรวจสอบของผู้บังคับบัญชา หรือหน่วยงานอื่น |
ทุกสัปดาห์ |
ทุก 2สัปดาห์ |
ทุกเดือน |
ทุก 3เดือน |
ทุก 6 ดือน |
ความถี่ในการเกิดความผิดพลาดการปฏิบัติงาน (เฉลี่ยต่อปี/ครั้ง) |
5 ปี/ครั้ง |
2-3 ปี/ครั้ง |
1 ปี/ครั้ง |
1-6เดือน/ครั้ง |
1เดือน/ครั้ง หรือน้อยกว่า |
โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ |
5 ปี/ครั้ง |
4ปี/ครั้ง |
3ปี/ครั้ง |
2ปี/ครั้ง |
1 ปี/ครั้ง (เกิดแน่นอน) |
- โอกาสและแนวทางการจัดการโอกาส
ห้องปฏิบัติการ อว.นำโอกาส (Opportunities) มาประกอบการพิจารณาเพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างความเสี่ยงและแนวทางการจัดการความเสี่ยงของห้องปฏิบัติการ แสดงดังตารางนี้
ความเสี่ยง |
ผลกระทบจากความเสี่ยง |
มาตรการควบคุมที่มีอยู่ปัจจุบัน |
ระดับผลกระทบ |
ระดับโอกาส |
ระดับความเสี่ยง |
แนวทางแก้ไขและป้องกัน |
ผู้รับผิดชอบ |
|
|
|
4 |
3 |
12 (สูง) |
- จัดทำแผนงานและแผนงบประมาณการสอบเทียบ ตรวจสอบสมรรถนะ และดูแลรักษาเครื่องมือหลัก - จัดทำคู่มือการดูแลรักษาเครื่องมือ - ประสานงานกับหน่วยงานอื่นเพื่อขอใช้เครื่องมือ - หาหน่วยงานที่สามารถจ้างเหมาช่วงบริการทดสอบ |
กลุ่มงาน |
(ขาดผู้เชี่ยวชาญ / เจ้าหน้าที่ไม่พอ) |
- เกิดความล่าช้า/ ผิดพลาดในการบริการ และอาจทำให้ผู้รับบริการไม่พอใจ -เจ้าหน้าที่ไม่เพียงพออาจทำให้งานเกินกำลังเกิดความผิดพลาดได้ |
- หก./ผอว. ตรวจสอบผลก่อนออกรายงานฉบับ - มีการสอนงาน -มีคู่มือและเอกสารอ้างอิงสำหรับแต่ละงาน |
4 |
2 |
8 (ปานกลาง) |
|
ผู้บริหาร / กลุ่มงาน |
|
-ไม่ทันสมัย /ไม่ตรงตามความต้องการของผู้รับบริการ |
-มีการทบทวนคำขอเกี่ยวกับวิธีการทดสอบกับผู้รับบริการก่อนรับทดสอบ |
3 |
2 |
6 (ปานกลาง) |
|
กอง / กลุ่มงาน |
|
|
-จัดหาใบเสนอราคาจากบ.ที่มีสินค้าที่ตรงตามที่ต้องการให้ครบ 3 บริษัทตามกฎระเบียบ - จัดซื้อ/จัดจ้างโดยLabเอง |
2 |
4 |
8 (ปานกลาง) |
|
กอง / กลุ่มงาน |
ภาคผนวก 1
SWOT: การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
จุดแข็ง (Strength : S)
1.หน่วยงานเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ
2. หน่วยงานมีการบริหารจัดการโดยใช้ระบบคุณภาพตามมาตรฐานสากล
3. หน่วยงานมีความสามารถในการพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการที่นำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้จริง
4. หน่วยงานมีทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสะดวกต่อการให้บริการ
5. บุคลากรมีความสามารถและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เป็นที่ยอมรับจากผู้รับบริการ
6. ผู้บริหารมีนโยบายให้บุคลากรทำงานแบบบูรณาการและมีส่วนร่วม
7. การกำหนดตำแหน่งความก้าวหน้าในสายอาชีพของบุคลากรสายวิชาการมีความชัดเจน
8. หน่วยงานมีจุดบริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ทำให้การรับตัวอย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น
9. หน่วยงานมีความโปร่งใสด้านการเงิน/ด้านการบริหารพัสดุ
10. ผลงานตามภารกิจของหน่วยงานเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้บริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
11. ผลการทดสอบของหน่วยงานสามารถใช้รับรองสินค้าส่งออก และปรับปรุงคุณภาพสินค้า OTOP ในการเข้าสู่กระบวนการยื่นขอการรับรอง
12. แผนยุทธศาสตร์ วศ.๒๐ ปี (พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๗๙) มีเป้าหมายที่จะยกระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มีความเข้มแข็งในการตรวจสอบและรับรองตามมาตรฐานสากลฯ
13. วศ.ได้รับมอบโล่และตรารับรองมาตรฐานการให้บริการของศูนย์ราชการสะดวก GECC (Government Easy Contact Center) ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการพ.ศ.๒๕๕๘ โดย อว.เป็นหนึ่งในบริการ GECC ของ วศ.
14. บุคลากรมีจิตมุ่งบริการ (service mind)
16. มีระบบเทคโนโลยีมีความทันสมัยที่ใช้กับสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Application และ website ให้ผู้รับบริการเข้าถึงข้อมูลการใช้บริการได้
17. หน่วยงานมีการบริหารจัดการโดยใช้ระบบคุณภาพมาตรฐานสากล
18. มีขั้นตอนในการบริหารจัดการและขั้รตอนการทำงานที่ชัดเจน
19. รัฐบาลและกระทรวงวิทย์ฯ มีนโยบายให้หน่วยงานรัฐให้บริการแบบ One stop service
จุดอ่อน (Weakness : W)
1. โครงสร้างองค์กรไม่สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
2. การให้บริการด้านทดสอบยังไม่ครอบคลุมทุกรายการ
3. โครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานยังไม่มีการจัดระบบอย่างมีประสิทธิภาพ
4. หน่วยงานไม่มีกลไกในการผลักดันให้บุคลากรแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่
5. การถ่ายทอดองค์ความรู้แฝง (Tacit knowledge) และประสบการณ์สู่บุคลากรรุ่นต่อไปไม่เป็นระบบอย่างต่อเนื่อง
6. บุคลากรส่วนใหญ่ขาดทักษะด้านภาษาต่างประเทศ การสื่อสารและการประสานงาน
7. บุคลากรบางส่วนไม่ปรับตัวต่อสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
8. การทำงานแบบบูรณาการและการทำงานเป็นทีมยังไม่มีประสิทธิภาพ
9. การประเมินความดีความชอบของบุคลากรไม่สร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน
10. การสื่อสาร/ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลไม่ทั่วถึงและไม่มีประสิทธิภาพ
11. หน่วยงานไม่มีการกำหนดเกณฑ์การวัดปริมาณภาระงาน (Work load) ในแต่ละบุคคลที่ชัดเจน เพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภา
12. การบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ไม่มีประสิทธิภาพ
13. ไม่มีกลไกในการเตรียมความพร้อมในการสร้างนักบริหาร
14. การให้บริการของหน่วยงานยังมีความล่าช้า
15. การดำเนินงานในกระบวนงานพัสดุล่าช้า
16. ผลลัพธ์ (outcome) และผลผลิต (output) ของหน่วยงานยังไม่สนองตอบต่อความต้องการของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างทั่วถึง
17.การบริหารจัดการแผนบริหารความเสี่ยง และแผนความปลอดภัยยังไม่มีประสิทธิภาพ
18. บุคลากรที่เข้าใหม่ยังมีทักษะและประสบการณ์ในการทำงานด้านวิชาชีพน้อย ต้องอาศัยระยะเวลาในการพัฒนา
19. ความผูกพันของบุคลากรต่อองค์กรมีน้อยทำให้บุคลากรโอนย้ายบ่อย ส่งผลให้การปฏิบัติงานไม่ต่อเนื่อง
20บุคลากรส่วนใหญ่ไม่แม่นยำเรื่องระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ งานพัสดุ ทำให้งานล่าช้า
21. เนื่องจากห้องปฏิบัติการบางส่วนปิดปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคไปเป็นเวลานาน ทำให้เครื่องมือวิทยาศาสตร์เสื่อมสภาพแต่งบประมาณในการดูแลรักษาและซ่อมแซมเครื่องมือวิทยาศาสตร์มีน้อย
22. ระบบการบริหารจัดการเครื่องมือ สารเคมีและเครื่องแก้วยังไม่มีประสิทธิภาพ
23. บุคลากรบางส่วนยังไม่แม่นเรื่องระบบคุณภาพ ISO/IEC 17025
24. วัสดุ อุปกรณ์ และสารเคมีบางอย่าง จัดซื้อไม่ทันกับความต้องการการใช้งาน
25. การให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการมีการจำกัดเวลา ภายในเวลาราชการและสถานที่ราชการ
26. ระบบสารสนเทศที่ให้บริการแก่ผู้รับบริการมีความซับซ้อนใช้งานยาก
โอกาส (Opportunity : O)
1. ภาวะการแข่งขันของภาคการผลิตทำให้ผู้ประกอบการหันมาพึ่งพาองค์ความรู้มากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิตและยกระดับคุณภาพสินค้า
2. วิกฤติด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติ ทำให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีบทบาทเพิ่มขึ้น
3. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เป็นโอกาสในการพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพสามารถสนองตอบผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
4. แนวนโยบายภาครัฐมีการส่งเสริมให้ท้องถิ่น/ชุมชนสามารถพัฒนาตนเองได้มากขึ้น ทำให้งานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีบทบาทในการสร้างมูลค่าเพิ่มในภาคการผลิต/เศรษฐกิจชุมชน
5. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12(พ.ศ.2560-2564) มีนโยบายในการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาสาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา นวัตกรรม และเพิ่มอันดับความสามารถในการแข่งขันโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ยุทธศาสตร์ที่ 3: การสร้างความเข้มเข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน และ
ยุทธศาสตร์ที่ 8: การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม
6. กฎหมายด้านความปลอดภัยอาหารมีผลกระทบต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมอาหาร ทำให้ผู้ประกอบการอาหารมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาสินค้าและคุณภาพอาหารให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางการค้าในตลาดโลก
7. การที่กฎระเบียบทางการค้าระหว่างประเทศมีเกณฑ์กำหนดที่เข้มงวดมากขึ้นและต้องการเทคนิคทางด้านวิทยาศาสตร์ทำให้ผู้ประกอบการต้องใช้ผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการที่มีความสามารถ จึงเป็นโอกาสของหน่วยงานในการสร้างขีดความสามารถในเตรียมความพร้อมในการแข่งขัน
8. การเป็นหน่วยงานที่ให้บริการทดสอบตามข้อกำหนดของมาตรฐานที่เกี่ยวข้องและ/หรือความต้องการของประเทศคู่ค้า โดยการเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงพาณิชย์ให้ออกใบรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออกตามความต้องการของประเทศคู่ค้า
9.รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และ SMEs ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อสร้างเอกลักษณ์และการผลิตสินค้าในท้องถิ่น
10. ในปี 2558ประเทศไทยได้เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งทำให้ประเทศต่างๆ มีการนำมาตรการกีดกันที่ไม่ใช่ภาษีมาใช้ ดังนั้นสินค้าต้องผ่านการตรวจสอบและรับรองคุณภาพโดยห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล เป็นส่วนผลักดัน/เร่งรัดให้ภารกิจของหน่วยงานมีบทบาทมากขึ้น
11. สินค้าไทย เช่น สินค้าทางการเกษตร อาหาร เครื่องสำอาง ยา ต้องแข่งขันในด้านคุณภาพในเวทีการค้าโลก ทำให้มีความต้องการห้องปฏิบัติการในการทดสอบเพื่อไปปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อให้สินค้าได้มาตรฐาน
12. การขยายตลาดสินค้าของวิสาหกิจชุมชน เป็นโอกาสให้หน่วยงานสามารถเข้าไปถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าให้กับชุมชนมากขึ้น
13. การแข่งขันการค้าที่รุนแรงในเวทีการค้าโลก และมาตรการกีดกั้นทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ทำให้สินค้าส่งออกต้องได้รับการทดสอบคุณภาพ หรือการตัดสินทางวิทยาศาสตร์ เป็นผลให้ความต้องการทดสอบ คุณภาพผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นและห้องปฏิบัติการของประเทศอีกมากที่ต้องยกระดับคุณภาพตามมาตรฐานสากล
14. ภาคประชาชน ชุมชน มีความต้องการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการเพิ่มรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจึงมีส่วนในการร่วมสนับสนุนงบประมาณดำเนินการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นโอกาสให้หน่วยงานได้รับการสนับสนุนงบประมาณด้านการวิจัยมากขึ้น
15. การเป็นหน่วยงานที่ไม่แสวงหาผลกำไร ทำให้มีค่าธรรมเนียมในการให้บริการสมเหตุสมผล และผู้รับบริการยอมรับได้
16. ผู้บริโภคให้ความสำคัญในการใช้สินค้าที่มีความปลอดภัยและมีมาตรฐานเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ
17. แนวโน้มผู้บริโภค มีการเปลี่ยนแปลงของวิถีดำรงชีวิต มีความตระหนักด้านสุขภาพ ต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น
18. บริษัทเอกชนอื่น อาจมีบริการที่มีราคาสูงกว่า
19. ผู้ใช้บริการมีความจำเป็นต้องใช้บริการที่ถูกต้อง สะดวก รวดเร็ว เพื่อใช้ในการผลิต วิจัยพัฒนา และแก้ปัญหา เพื่อให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ
20. การขยายตลาดของวิสาหกิจชุมชน/ SMEs / OTOP มีความจำเป็นต้องใช้บริการในการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้มาตรฐาน
21. ลูกค้าต้องการให้สินค้าและผลิตภัณฑ์มีมาตรฐาน
ข้อจำกัด (Threat : T)
1. เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วมีผลกระทบต่อการบริหารจัดการ การกำหนด/ปรับปรุง กฎ ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
2. ภัยจากอาชญากรรมด้านเทคโนโลยีอาจมีผลกระทบต่อระบบการป้องกันด้านเทคโนโลยีสารสนเทศได้
3. การวางแผน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกิดการชะงักและไม่ต่อเนื่อง สาเหตุหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
4. การจัดสรรทรัพยากรสำหรับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่ในระดับต่ำ ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและตอบการสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในอนาคต
5. หลักเกณฑ์วิธีการและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลที่สำนักงาน ก.พ. ออกตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551เพื่อให้ส่วนราชการนำไปปฏิบัติ บางส่วนยังไม่ชัดเจน
6. เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวมีผลกระทบต่อการลงทุนของประเทศ ทำให้ผู้ใช้บริการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีลดลง
7. การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนทำให้เกิดคู่แข่งทางด้านการให้บริการที่สามารถเคลื่อนย้ายอย่างเสรี
8. งบประมาณสนับสนุนการวิเคราะห์ทดสอบ และวิจัยพัฒนา ยังอยู่ในระดับต่ำ
9. มีหน่วยงานเครือข่าย/สาขาในภูมิภาคแต่ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ ทำให้การบริการไม่สามารถเข้าถึงผู้รับบริการได้อย่างทั่วถึง และตอบสนองทุกความต้องการของผู้รับบริการได้
10. ค่านิยมและเส้นทางความก้าวหน้าทางสายวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังไม่ชัดเจนทำให้คนรุ่นใหม่สนใจประกอบวิชาชีพทางด้านวิทยาศาสตร์น้อยลง
13.บทบาทของหน่วยงานด้านการบริการทดสอบลดลงเนื่องจากมีงานบริการทดสอบที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น
14. มีกฎหมายและระเบียบราชการด้านการให้บริการประชาชน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการให้บริการและเกิดข้อร้องเรียน หากไม่ปฏิบัติตาม
15. การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและเทคโนโลยีสารสนเทศที่รวดเร็ว ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนให้เท่าทันซึ่งต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง และบุคลากรที่มีความสามารถ
16. หน่วยงานอื่นมีการพัฒนาการให้บริการที่หลากหลาย และได้รับรองความสามารถห้องปฏิบัติการตาม ISO/IEC 17025ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการรับบริการมากขึ้น
17. คนไทยนิยมการขอรับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ทันสมัย ตามกระแสสังคม
18. ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการภาครัฐน้อยลง
19. การให้บริการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีราคาสูงมาก
20. เศรษฐกิจโลกอยู่ในสภาวะชะลอตัว ทำให้เกิดผลกระทบต่อการลงทุนของประเทศลดลง ทำให้เอกชนขาดแรงจูงใจในการลงทุน